Sunday, September 29, 2013

วัคซีนอีสุกอีใส (chicken pox)

วัคซีนไข้สุกใส หรือ Varicella vaccine เป็นวัคซีนที่ใช้เชื้อ VZV (Varicella Zoster Virus) ที่ทำให้อ่อนแอลง มาฉีดเข้าไปในร่างกาย เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน

ใครสามารถ/ควร ฉีดวัคซีนนี้บ้าง? ทั่วไปก็คือผู้ที่มีโอกาสติดเชื้อได้ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ร่วมกันกับคนหมู่มาก
- คนทั่วไปที่ไม่มีหลักฐานการเป็นไข้สุกใสมาก่อน
- บุคลากรทางการแพทย์
- นักโทษ เด็กนักเรียน นักศึกษา ทหาร เป็นต้น

ใครไม่ควร ฉีดวัคซีนนี้บ้าง? หลักๆ คือผู้ป่วยที่ภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำเพราะเมื่อฉีดไปมีโอกาสที่เชื้อที่อ่อนฤทธ์ลงในวัคซีนจะทำให้เกิดโรครุนแรงได้
- หญิงตั้งครรภ์
- ผู้ป่วยด้วยโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- ผู้ป่วยมะเร็งที่ทำการรักษาด้วเคมีบำบัดหรือรังสีรักษา

สำหรับการฉีดวัคซีนนี้จะแบ่งเป็น 2 ช่วงอายุ 
- ในเด็กอายุน้อยกว่า 13 ปี ฉีด 2 เข็ม ที่อายุ 12-15 เดือน และ 4-6 ขวบ
- อายุมากกว่า 13 ปี ฉีด 2 เข็ม ห่างกันอย่างน้อย 1 เดือน (คือหลัง 1 เดือนไปแล้วจะฉีดเมื่อไหร่ก็ได้)

ขอเล่าเรื่องความสับสนในการออกใบนัดคนไข้ มีแม่เด็ก ถามว่า เพื่อนพาลูกไปฉีดวัคซีนอีกโรงพยาบาลหนึ่ง ทำไมนัด 1 เดือน แต่ที่นี่นัด 2 เดือน เภสัชกรเลยต้องมาค้นleafletของวัคซีนแต่ละยี่ห้อมาอ่านดู (วัคซีนอีสุกอีใสที่มีในไทย นำเข้ามาจากต่างประเทศ  2-3 ยี่ห้อ แต่ละยี่ห้อจะระบุเวลาห่างในการฉีดแตกต่างกันเล็กน้อย) สรุป ก็คือ สำหรับเด็กอายุ> 13 ปี สามารถนัดมาฉีดได้ช่วงไหนก็ได้ แต่ต้องพ้น 1 เดือนหลังจากฉีดไปแล้ว 

ทีนี้เราลองมาดูในแง่ประสิทธิภาพการป้องกันโรค จากการศึกษาพบว่าวัคซีนนี้สามารถป้องกันการเป็นไข้สุกใสได้ 70-90% และสามารถป้องกันไข้สุกใสที่มีความรุนแรงมากได้ถึง 95% สิ่งที่ต้องจดจำกันเสมอๆ คือ ไม่มีอะไร 100% แน่นอนทางการแพทย์ ยังคงมีช่องว่างของความไม่แน่นอนเสมอ 

แต่ที่พบแน่นอน คือ ผู้ได้รับวัคซีนหากมีอาการป่วยด้วยไข้สุกใส ความรุนแรงจะน้อยกว่าผู้ที่ป่วยจากการได้รับเชื้อตามธรรมชาติมา

วัคซีนสุกใสนี้ในปัจจุบันจากการศึกษา พบว่าสามารถสร้างภูมิคุ้มได้ประมาณ 20 ปี เป็นอย่างน้อย แต่ในบางรายก็พบว่าภูมิคุ้มกันลดลงหลังจากฉีดวัคซีนไปได้ 5-10 ปี (การศึกษาภูมิคุ้มกันระยะยาวยังต้องทำต่อไปครับ เพราะวัคซีนนี้ผลิตมาใช้ไม่นานเมื่อปี 1995 นี่เอง ถือว่ายังใหม่มากๆ)

นอกจากนั้นอย่างที่บอกไปในตอนแรกว่าเชื้อที่ทำให้เป็นไข้สุกใสกับงูสวัดคือเชื้อเดียวกัน เมื่อเป็นไข้สุกใสแล้ว เชื้อจะหลบในปมประสาทเมื่อร่างกายอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันตกลงก็จะกลายเป็นงูสวัดได้ แล้ววัคซีนที่ผลิตจากเชื้อนี้ล่ะ จะทำให้เป็นงูสวัดได้มั้ย? คำตอบคือได้ครับ มีโอกาส แต่ถ้าเป็นความรุนแรงก็จะน้อยกว่าการได้รับเชื้อทางธรรมชาติมาก 

- ส่วนผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนไข้สุกใส โดยทั่วไปอาจพบอาการไข้ ผื่น หรือการปวดบวมแดงตรงบริเวณที่ฉีดได้บ้าง 
จำนวนน้อยจะเจอผลข้างเคียงรุนแรง เช่น การแพ้รุนแรง ชักเกร็ง หรือปอดบวม

สำหรับคนท้องฉีดวัคซีนนี้ไม่ได้ตามที่บอกข้างต้น ส่วนใครที่เตรียมพร้อมจะตั้งครรภ์ แนะนำให้ฉีดก่อนล่วงหน้า และคุมกำเนิดหลังฉีดวัคซีนประมาณ 3 เดือนจึงปล่อยให้ตั้งครรภ์ครับ (เหมือนกับการฉีดวัคซีน ป้องกันหัดเยอรมัน)  อย่างที่บอกไปวัคซีนสามารถทำให้เกิดโรคได้ในคนที่ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เมื่อตั้งครรภ์ภูมิคุ้มกันจะอ่อนแอลง การได้รับเชื้อจากวัคซีนอาจทำให้เกิดโรครุนแรงได้กับตัวคุณแม่ นอกจากนี้เชื้อไวรัสยังสามารถส่งไปยังตัวอ่อนในครรภ์ได้ด้วยทำให้เกิดการติดเชื้อที่เรียกว่า congenital varicella syndrome อาจพบว่ามีความผิดปกติของผิวหนังหรือแขนขาของทารก หรือมีการติดเชื้อในสมอง จากการติดเชื้ออีสุกอีใสในระยะตัวอ่อนได้หรือพบว่าทารกมีผื่นผิวหนังแบบงูสวัดได้

ขอบคุณบทความจากเฟสบุ๊คของใกล้มิตรชิดหมอ