ในเด็กเล็ก มีโรคที่ต้องระวังอยู่โรคหนึ่ง คือโรคไอกรน โดยเฉพาะในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ขวบ เพราะยังมีภูมิต้านทานต่อโรคน้อย ดังนั้น จึงต้องระมัดระวังเป็นพิ้เศษ
จากไทยรัฐออนไลน์
จากไทยรัฐออนไลน์
สธ.เผยมีเด็กไทยป่วยและเสียชีวิตด้วย"โรคไอกรน"มากขึ้น
เตือนผู้ปกครองนำบุตรเข้ารับวัคซีน เผยสถิติปี 56 พบผู้ป่วย 24 ราย
ส่วนใหญ่พบในกลุ่มเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 1 ปีสูงสุด
นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า โรคไอกรน (Pertussis) เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดได้กับประชาชนที่ไม่มีภูมิคุ้มกันโรคทุกคน
ทุกวัย โรคนี้ป้องกันได้ด้วยการฉัดวัคซีน ซึ่งขณะนี้ได้พัฒนาเป็นวัคซีนรวม 1
เข็ม ป้องกันโรคได้ 3 โรค คือคอตีบ บาดทะยัก
ไอกรน (DTP) เป็นวัคซีนพื้นฐานที่กระทรวงสาธารณสุขจัดบริการฉีดให้เด็กทุกคนในประเทศไทย
โดยฉีด 5 ครั้ง เริ่มครั้งที่ 1เมื่ออายุ
2 เดือน และฉีดซ้ำเมื่ออายุ 4 เดือน,
6 เดือน,1 ปี 6 เดือน
และอายุ 4 ปีผู้ที่ได้รับวัคซีนครบชุดทุกคน
มีโอกาสป่วยจากโรคไอกรนน้อยมาก หรือหากป่วยอาการจะไม่รุนแรง
เนื่องจากร่างกายมีภูมิคุ้มกันบางส่วนที่ได้จากวัคซีนแล้ว
หากเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปีป่วยเป็นโรคไอกรน
มักจะมีอาการรุนแรง เนื่องจากระดับภูมิต้านทานโรคในร่างกายยังมีน้อย
จึงเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่าย
ที่พบบ่อยและเป็นสาเหตุการเสียชีวิตคือโรคปอดอักเสบหรือปอดบวม เช่นในปี 2556
ตลอดปีพบผู้ป่วย 24 ราย
ส่วนใหญ่พบในกลุ่มเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 1 ปี มากสุดคืออายุ 1-3
เดือนพบร้อยละ 33 โดยพบมีเด็กอายุ 2 เดือนเสียชีวิต 2 ราย รายที่ 1 ที่ จ.ชลบุรี เสียชีวิตจากโรคแทรกซ้อนคือปอดอักเสบ
ได้รับการฉีดวัคซีนรวมป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน 1 ครั้ง
ทำให้ร่างกายยังไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันโรคได้ รายที่ 2 ที่
จ.บึงกาฬ โรคแทรกซ้อนที่ทำให้เสียชีวิตคือสมองอักเสบ
รายนี้ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเนื่องจากป่วยก่อนถึงวันนัดฉีดวัคซีน ซึ่งเด็กทั้ง 2
รายนี้เป็นเด็กเล็กเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่าย
การป้องกันการเสียชีวิตในภาวะนี้ทำได้โดยผู้ปกครองต้องพาไปโรงพยาบาลตั้งแต่เริ่มป่วย
เพื่อการวินิจฉัยและรักษาที่ทันท่วงที ซึ่งมียาปฏิชีวนะรักษาได้ จะลดโรคแรกซ้อน
รักษาชีวิตผู้ป่วยไว้ได้
ดั้งนั้น
เพื่อป้องกันการป่วยและลดอันตรายจนถึงชีวิตในเด็กเล็กจากโรคไอกรน
ขอให้ผู้ปกครองทุกคนนำบุตรหลานเข้ารับการรับวัคซีนตามนัดที่ปรากฏในสมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็กให้ครบตามช่วงวัย
ควรหลีกเลี่ยงการพาเด็กไปในที่แออัดหรือในพื้นที่ที่มีโรคระบาด
และที่สำคัญคือในกลุ่มประชาชนที่ย้ายที่อยู่บ่อย เช่นรับจ้างก่อสร้าง
แรงงานภาคเกษตร อุตสาหกรรม ลูกมีความเสี่ยงได้รับวัคซีนไม่ครบ จึงควรพาลูกหลานไปรับวัคซีนต่อเนื่องในสถานบริการสาธารณสุขที่อยู่ใกล้
รวมทั้งแรงงานต่างด้าวที่นำครอบครัวและบุตรเข้ามาทำงานในประเทศไทย
ควรพาบุตรหลานเข้ารับการฉีดวัคซีนให้ครบถ้วนในสถานพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทุกแห่ง
เพื่อให้ปลอดภัยจากโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน โดยบุตรแรงงานต่างด้าวที่อายุไม่เกิน
7 ปีบริบูรณ์
สามารถซื้อบัตรประกันสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุขได้ในอัตราคนละ 365 บาท เฉลี่ยวันละ 1 บาท มีอายุคุ้มครอง 1 ปี นับจากวันที่ซื้อบัตรประกันสุขภาพ
ซึ่งจะได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนเหมือนเด็กไทย
ด้านนายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค
กล่าวว่า โรคไอกรน เป็นโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
ทำให้เยื่อบุทางเดินหายใจอักเสบ และเกิดอาการไอ
อาการที่เป็นลักษณะพิเศษของโรคนี้คือ ไอเป็นชุดๆ คือไอซ้อนๆ ติดๆ กัน 5-10 ครั้ง หรือมากกว่านั้น
จนเด็กหายใจไม่ทัน และมีอาการหายใจเข้าลึกๆ เป็นเสียงวู๊ป (Whooping cough)
สลับไปกับการไอเป็นชุดๆ โรคนี้ติดต่อกันได้ง่ายจากการไอ จาม
รดกันโดยตรง ผู้ติดเชื้อที่ไม่มีภูมิคุ้มกันจะป่วยเกือบทุกราย
มักพบได้บ่อยในเด็กเล็กดังนั้นหากพบลูกหลานมีอาการป่วยที่กล่าวมา
ขอให้สงสัยว่าเป็นโรคไอกรน ต้องรีบพบแพทย์โดยเร็ว โรคนี้มียารักษาหาย
ปัจจุบันโรคไอกรนลดลงมาก
จากการเพิ่มระดับความครอบคลุมของการได้รับวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก
ซึ่งในไทยมีค่าเฉลี่ยประมาณร้อยละ 98 โดยในไทยยังพบโรคนี้ได้ประปรายในชนบท
และพบในเด็กอายุเกิน 5 ปีมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กที่ไม่ได้รับวัคซีนมาก่อน
พบการระบาดเป็นครั้งคราวในเด็กนักเรียนชั้นประถม การดูแลรักษาผู้ป่วยโรคนี้คือ
ให้เด็กที่ป่วยพักผ่อน ดื่มน้ำอุ่น อยู่ในห้องที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี
ถ้าไม่มีโรคแทรกซ้อนจะใช้เวลารักษาประมาณ 6-10 สัปดาห์โรคแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยคือ
ปอดอักเสบ เลือดออกในเยื่อบุตา อาจมีอาการชัก
โดยกรมควบคุมโรคได้จัดระบบเฝ้าระวังโรคนี้ทั่วประเทศ
รายงานทุกสัปดาห์เพื่อติดตามควบคุมป้องกันการแพร่ระบาด อย่างใกล้ชิดและรวดเร็ว.