Monday, December 16, 2013

เตือนอันตรายจากการทำศัลยกรรมความงาม

เตือนภัยทัวร์ศัลยกรรม คลินิกเถื่อน-ไร้มาตรฐาน

รายงานพิเศษ


จากกระแสฮิตศัลยกรรมเสริมความงามสไตล์เกาหลี ที่รุกหนักถึงขนาดเปิดบริษัทพาแพทย์รุ่นใหม่ไปเข้าคอร์สสอนการทำศัลยกรรมตามคลินิกเอกชน ซึ่งไม่ได้รับรองจากแพทยสภาของไทย เพราะขาดทั้งหลักวิชาการ มาตรฐานการศึกษา


นพ.ชลธิศ สินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมของไทย เผยว่า ปัจจุบันมีกลุ่ม เอเยนซี่ ในรูปของบริษัทข้ามชาติจากประเทศเกาหลีจำนวนมากเข้ามาเปิดในประเทศไทย เพื่อจัดทำทัวร์พาผู้ที่สนใจเดินทางไปทำศัลยกรรมเกาหลี ที่ประเทศเกาหลี ขณะเดียวกันยังได้จัดทำทัวร์ให้กับบรรดาแพทย์รุ่นใหม่ที่ต้องการไปศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมเทรนด์เกาหลีด้วย

โดยใช้ชื่อว่า โครงการแพทย์และสัมมนา หรืออบรมสัมมนาวิธีศัลยกรรมต่างๆ โดยจัดทำเป็นคอร์สให้เลือกได้ตามที่ต้องการ ซึ่งพบว่ามีแพทย์ไทยรุ่นใหม่จำนวนมาก ให้ความสนใจเดินทางไปศึกษาเพิ่มเติม โดยมีระยะเวลาการอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ 3-7 วัน จากนั้นยังมีการมอบประกาศนียบัตรให้ด้วย

"แพทย์ส่วนใหญ่ที่เดินทางไปอบรมสัมมนา จะเป็นแพทย์รุ่นใหม่ที่จบแพทย์ทั่วไป ไม่ใช่แพทย์เฉพาะทางจึงต้องการมีความรู้เพิ่มเติม พบว่าเป็นเจ้าของคลินิกเกี่ยวกับผิวพรรณ ความงามเป็นส่วนใหญ่ แต่ต้องการขยายการให้บริการด้านศัลยกรรม เสริมจมูก ทำตาสองชั้นเพิ่ม เนื่องจากตลาดศัลยกรรมกำลังโต และเทรนด์ศัลยกรรมเกาหลีกำลังฟีเว่อร์ อย่างมาก

จากการศึกษาข้อมูลพบว่า การจัดทัวร์ให้แพทย์ส่วนใหญ่ ไม่ได้มาตรฐาน เพราะเป็นการพาไปศึกษาตามคลินิกเอกชนต่างๆ ไม่ใช่การศึกษาในสถาบันการศึกษา ที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้การรับรอง จึงไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการและมาตรฐานการศึกษาใดๆ ทั้งสิ้น และจะสร้างผลเสียในอนาคตต่อวงการศัลยกรรมไทยอย่างแน่นอน

นพ.ชลธิศบอกด้วยว่า การทำศัลยกรรม นอกจากต้องศึกษาตามหลักวิชาการที่ถูกต้องแล้ว ยังต้องใช้เวลาฝึกปรือฝีมือ และเพิ่มพูนประสบการณ์เป็นเวลานาน เช่นตนเองยังใช้เวลาเป็นสิบๆ ปี กว่าจะเป็นที่ยอมรับอย่างในปัจจุบัน

"ผมอยากให้น้องๆ แพทย์รุ่นใหม่ที่สนใจอยากทำศัลยกรรมจริงๆ ประการแรก ควรศึกษาให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ โดยเข้าฝึกอบรมในระดับบอร์ดที่เกี่ยวข้องกับงานศัลยกรรม ใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปี เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้มากพอ ก่อนที่จะคิดเรื่องการทำธุรกิจ เพราะความเสียหายไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะผู้บริโภค หรือธุรกิจเท่านั้น แต่ยังส่งผลเสียต่อภาพรวมของประเทศไทยด้วย" นพ.ชลธิศ กล่าว

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNE56RTNNRGcxTWc9PQ==&sectionid=