Monday, May 10, 2010

ความรู้เรื่องยาคุมกำเนิด

ยาเม็ดคุมกำเนิด

ยาเม็ดคุมกำเนิดเป็นอุปกรณ์คุมกำเนิดที่นิยมมากที่สุด โดยการรับประทานวันละครั้ง ครั้งละเม็ด ยาเม็ดคุมกำเนิดแบ่งได้ 3 ประเภท คือ
1. ประเภทที่มีตัวยาเท่ากันทุกเม็ด
2. ประเภทที่มีตัวยาไม่เท่ากันทุกเม็ด
3. ประเภทที่มีฮอร์โมนโปรเจสโตเจนอย่างเดียว


1. ประเภทที่มีตัวยาเท่ากันและเหมือนกันทุกเม็ด

ยาคุมประเภทนี้มีตัวยาอยู่สองชนิดคือเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจน ความแตกต่างของแต่ละยี่ห้อ ขึ้นอยู่กับชนิดของเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจน ดังตารางที่ 1 และตารางที่ 2

ตารางที่ 1 ยาเม็ดคุมกำเนิดในกลุ่มนี้มีปริมาณเอสโตรเจนมาก ปัจจุบันไม่นิยมใช้เป็นยาเม็ดคุมกำเนิดแล้ว แต่ใช้เพื่อการรักษาความผิดปกติทางนรีเวช

2. ประเภทที่มีปริมาณตัวยาไม่เท่ากันทุกเม็ด

ยาคุมชนิดนี้ได้ใส่ตัวยาในแต่ละเม็ดเลียนแบบปริมาณฮอร์โมนตามธรรมของร่างกาย ดังตารางที่ 3

3. ประเภทที่มีแต่ตัวยาโปรเจสโตเจน

มีฮอร์โมนโปรเจสโตเจนอย่างเดียว ที่เป็นที่รู้จักกันดีก็คือ ยาคุมฉุกเฉินที่ชื่อ โพสตินอร์ (postinor) และ มาดอนน่า (madonna) ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป รวมทั้งร้านยาในห้างด้วย

ข้อควรทราบเกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉินคือ
1. ยานี้ใช้เมื่อยามฉุกเฉินเท่านั้น หมายถึงยามที่ไม่ได้ตั้งใจจะมีเพศสัมพันธ์หรือไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน หรือคุมกำเนิดแบบอื่นแล้วเกิดผิดพลาดเช่นถุงยางแตกขาด
2. ยานี้ไม่ใช่ยาทำแท้ง
3. การกินยา ให้กินหลังร่วมโดยกินเม็ดแรกโดยเร็วที่สุด (หรือภายใน 72 ชั่วโมง) แล้วอีก 12 ชั่วโมงกินเม็ด ที่เหลือเริ่มกินช้าประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงตามชั่วโมงที่ผ่านไป
4. ถ้ากินถูกต้อง ก็จะช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ลง 70 - 80 %
5. หลังกินยา 4 – 5 วันอาจมีเลือดออกได้ แต่ไม่ได้เป็นกับทุกคน
6. กินยานี้แล้วอาจทำให้รอบเดือนแปรปรวนไม่อาจคาดเดาได้

จะเริ่มกินยาเม็ดคุมกำเนิดเมื่อไร
ยาคุมทุกชนิด แผงแรกเม็ดแรกให้เริ่มกินภายใน 5 วัน นับจากวันแรกที่มีรอบเดือน มิฉะนั้นจะยับยั้งไข่ตกไม่ทันในรอบนั้น ยกเว้นยาคุมแบบ 20 ไมโครกรัมควรเริ่มตั้งแต่วันแรกที่รอบเดือนมา เมื่อเริ่มกินยาคุมแล้ว ก็สามารถมีผลคุมกำเนิดได้ตั้งแต่แผงแรกทันที ไม่ต้องใช้การคุมกำเนิดวิธีอื่นช่วย ทั้งสามารถหลั่งภายในช่องคลอดได้เลย และไม่ต้องไปนับวันปลอดภัย (7หน้า 7 หลัง) อีกต่อไป

เมื่อเริ่มกินยาคุมแล้ว ให้กินไปเรื่อยๆเรียงไปตามลูกศร ระหว่างกำลังกินยา ถ้ารอบเดือนมากระปริบกระปรอยก็ไม่ต้องหยุดยา เดินหน้ากินต่อไปเรื่อยๆ จนหมดแผง หมดแผงแล้ว ถ้าเป็นแบบ 28 เม็ดวันรุ่งขึ้นให้กินแผงใหม่ต่อทันที ไม่ต้องรอรอบเดือน ไม่ว่ารอบเดือนจะมาหรือไม่มา รอบเดือนจะหยุดหรือไม่หยุดก็ตาม ถ้าเป็นแบบ 21 เม็ดหมดแผงแล้ว (ปกติหมดเม็ดที่ 21 แล้ว อีก 2-3 วันรอบเดือนก็จะมา) เว้นไม่กิน 7 วัน เมื่อครบ 7 วันที่ไม่กินแล้ว วันที่ 8 ให้เริ่มแผงใหม่ทันที ไม่ว่ารอบเดือนจะมาหรือไม่มา รอบเดือนจะหยุดหรือไม่หยุดและระหว่างที่ไม่กินยา 7 วันนั้น ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้อย่างปลอดภัย โดยไม่ต้องกังวลว่าจะตั้งครรภ์
......จะเริ่มแผงแรกเมื่อไหร่
1. กรณีปกติทั่วไป รอรอบเดือนมาก็กินได้ทันที
2. กรณีหลังคลอดบุตร โดยปกติหลัง คลอดบุตร 6 สัปดาห์ไข่ก็จะตกเป็นครั้งแรก ดังนั้นจึงควรเริ่ม 4-6 สัปดาห์หลังคลอด แต่ถ้าเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก็อาจเริ่มกินช้ากว่านี้ได้
3. กรณีแท้งบุตร
- ถ้าท้องน้อยกว่า 12 สัปดาห์ (3 เดือน) จะมีไข่ตกทันทีในรอบเดือนถัดมา ดังนั้นต้องเริ่มกินทันทีหลังแท้ง
- แต่ถ้าแท้งเมื่อท้องได้ 12-28 สัปดาห์ (3-7 เดือน) ไข่จะตกราว 3 สัปดาห์หลังแท้ง จึงควรกิน ภายในสัปดาห์แรกหลังแท้ง
......ถ้าลืมกิน
1. ถ้าลืมกิน นึกได้เมื่อไหร่ ให้ไปหยิบเม็ดที่ลืมมากินทันที (เท่ากับกินเม็ดนั้นช้าไปหน่อย) ห้ามผัดวันอีกต่อไป แล้วกินเม็ดถัดมาตามเวลาที่เคยกิน แต่ถ้านึกได้ในเวลาที่ต้องกินอีกเม็ด ก็กินสองเม็ดควบเลย

2. ในกรณีที่ลืมกิน 2 เม็ด ให้กิน 2 เม็ดที่ลืม แล้วเช้าวันรุ่งขึ้นกินอีก1เม็ด เย็นนั้นกิน 1 เม็ด เช้าวันรุ่งขึ้นกินอีกเม็ด (เพิ่มตอนเช้า สองเช้า เช้าละเม็ด) กรณีเช่นนี้อาจทำให้รอบเดือนมากระปริบกระปรอยได้ และถ้าลืมในช่วง 1 - 7 เม็ดแรก โอกาสพลาดอาจเกิดขึ้นได้ จึงต้องใช้การคุมกำเนิดวิธีอื่นช่วย เช่น ถุงยางอนามัย แต่ถ้าลืมในช่วงท้ายๆหรือจะหมดแผงก็ไม่ค่อยมีผลมากเท่าไหร่

3. ถ้าลืมกิน 3 เม็ด ก็จบเลย หยุดยา รอให้รอบเดือนมา แล้วเริ่มแผงใหม่ภายใน 5 วัน นับจากวันแรกที่มีเลือด
......กรณีท้องเสีย อาเจียน
1. ถ้ากินยาแล้วอาเจียน ถ้าอาเจียนหลัง 2ชั่วโมงไปแล้วก็ไม่มีผลอะไร แต่ถ้าอาเจียนภายใน 2 ชั่วโมง ก็ต้องกินซ้ำอีกเม็ด ถ้าเป็นแบบที่มีฮอร์โมนเท่ากันทุกเม็ด จะกินเม็ดไหนก็ได้ แต่ถ้าเป็นแบบ triphasic คือ แต่ละเม็ดมีฮอร์โมนไม่เท่ากัน ก็ต้องซื้ออีกแผงมาเสริมเม็ดที่อาเจียนออกไป (กินตรงเม็ดที่อาเจียน)

2.กรณีท้องเดินหลายวัน การดูดซึมของยาจะไม่ดี ควรใช้การป้องกันวิธีอื่นช่วยด้วย (กรณีเช่นนี้อาจมีเลือดออกกระปริบกระปรอยได้)


ยาฉีดคุมกำเนิด

ก็เป็นยาอีกประเภทที่นิยมกันสำหรับคนที่ไม่ชอบกินยาหรือมักลืมกินยา ยาคุมชนิดฉีดมีหลายแบบ แต่ที่มีใช้ในบ้านเราเป็นชนิด 3เดือน คือฉีดหนึ่งเข็มคุมได้ 3 เดือน เป็นตัวยาโปรเจสโตเจนที่ชื่อ medoxyprogesterol acetate 150 มิลลิกรัม ฉีดสะโพก
- ข้อดีของยานี้ก็คือ ฉีดครั้งเดียวสามารถคุมกำเนิดได้ 3 เดือน ประสิทธิภาพ 98 %
- ข้อเสียคือฉีดแล้วรอบเดือนมักไม่มา หรืออาจมาแบบกระปริบกระปรอย มีส่วนน้อยเท่านั้นทีมีรอบ เดือนมาตามปกติ ซึ่งก็ไม่มีอันตรายอะไร ยกเว้นคนที่มีอุปาทาน ก็อาจรู้สึกอึดอัดที่เคยมาแล้วไม่มา


ยาฝังคุมกำเนิด


มีประสิทธิภาพและอาการข้างเคียงเช่นเดียวกับยาฉีด เหมาะสำหรับคนที่มีลูกแล้วและต้องการเว้นช่วงไม่มีลูกไปหลายๆ ปี แต่เดิมเป็นยา 6 แท่ง ฝังเข้าใต้ผิวหนังบริเวณข้อศอก สามารถคุมกำเนิดได้ 5 ปี ปัจจุบันมียาชนิดใหม่ แท่งเดียว คุมได้ 3 ปี การฝังก็ง่ายมากแท่งยาอยู่ในเข็ม การฝังก็คล้ายการฉีดยา นาทีเดียวก็เสร็จ

ใครควรใช้การคุมการคุมกำเนิดแบบใด
กรณีที่ยังไม่แต่งงาน และไม่ได้อยู่ด้วยกัน โดยเฉพาะหนุ่มสาวที่ได้เสียกันก่อนแต่ง ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กันบ่อย ถุงยางอนามัยเป็นอุปกรณ์คุมกำเนิดที่น่าเลือกใช้ที่สุด เพราะนอกจากป้องกันการตั้งครรภ์ได้แล้ว ยังสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย เรียกว่า two in one ถุงยางอนามัยหาซื้อได้ง่าย ตามร้านขายยาทั่วไป ตามห้าง หรือแม้แต่ร้านสะดวกซื้อ ไม่ต้องอายหรอก ติดโรคเอดส์ยังน่าอายกว่า หรือตั้งครรภ์เมื่อไม่พร้อมยังน่าอายกว่า หยิบมาแล้วจ่ายเงินเหมือนซื้อสินค้าทั่วไป

กรณีที่ยังไม่แต่งแต่อยู่ด้วยกัน กรณีนี้ก็เหมือนสามีภรรยากันแล้ว ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบธรรมดา 21 เม็ดหรือ 28 เม็ดเหมาะสมที่สุด และต้องช่วยกันเตือนไม่ให้ลืมกิน ฝ่ายชายเองก็ไม่ควรไปสำส่อนกับหญิงอื่นหรือชายอื่น ก็จะช่วยลดอัตราการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้

กรณีที่ได้เสียแบบไม่ตั้งใจ ก็มักเป็นฝ่ายหญิงแหละที่ประสบเหตุการณ์อย่างนี้ ทั้งนี้ก็เพราะวัฒนธรรมของเราไม่เอื้อ ฝ่ายหญิงก็ไม่รู้ตัวว่าจะโดนเมื่อไหร่จึงไม่ได้ป้องกัน กรณีที่ผิดพลาดไปอย่างนี้ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินก็สามารถช่วยได้

กรณีแต่งงานแล้ว ถ้าเพิ่งแต่งงานใหม่ๆ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบกินทุกวัน (21เม็ดหรือ28เม็ด) เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด โดยต้องเตรียมตัวตั้งแต่ตอนแจกการ์ดแต่งงานโน่นเลย (หรือตั้งแต่ได้วันฤกษ์ดี หรือช่วงไปถ่ายรูปสตูดิโอ) รอบเดือนมาปุ๊บก็เริ่มกินยาเม็ดคุมกำเนิดไปได้เลย ถ้ากิน 21 เม็ด แล้วถึงวันแต่งกลัวจะเป็นรอบเดือนก็กินแผงใหม่ต่อไปเลย ก็ไม่เป็นอุปสรรคกับการฮันนี่มูน

มีลูกแล้ว คนมีลูกแล้ว มีทางเลือกมาก อาจกินยาเม็ดคุมกำเนิดต่อได้เลย หรือจะฉีดยาคุมกำเนิด แต่ถ้าจะเว้นช่วงมีบุตรออกไปหลายปี ยาฝังยาคุมกำเนิดก็อาจเป็นอีกทางเลือก แต่ถ้าไม่ใช้ยา เพราะไม่อยากใช้หรือมีอาการข้างเคียงจากยา ใส่ห่วงอนามัยในโพรงมดลูกก็เป็นอีกทางเลือก

มีลูกพอแล้ว และแน่ใจว่าจะไม่มีลูกอีก การทำหมันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด จะเป็นฝ่ายหญิงทำหมันหลังคลอดทันทีก็ดี หรือจะทำหมันแห้งก็ได้ แต่ถ้าให้ดีฝ่ายชายทำหมันดีที่สุด เพราะจะได้ไม่ไปปล่อยไว้ที่อื่นอีก ของฝ่ายชายทำง่าย หายเร็ว ทำช่วงที่ภรรยาตั้งครรภ์ดีที่สุด

ให้นมลูก กรณีที่เพิ่งคลอด หรือยังให้นมลูกอยู่ การกินฮอร์โมนเอสโตรเจนก็อาจมีผลให้ปริมาณน้ำนมลดลงได้ จึงควรใช้การคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนโปรเจสโตเจนอย่างเดียว อาจเป็นยาเม็ดรับประทานหรือยาฉีดก็ได้ และเมื่อหย่านมลูกแล้วก็เปลี่ยนไปใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบปกติทั่วไป

อายุมากแล้ว กรณีที่มีอายุเกิน 35 ปี การใช้เอสโตรเจนเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะนัก มีอัตราเสี่ยงต่อระบบหัวใจและหลอดเลือดได้ จึงควรใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดที่ไม่มีเอสโตรเจน หรือจะใช้การฉีดก็ได้ หรือถ้ามีลูกแล้วจะใส่ห่วงอนามัยในโพรงมดลูกก็ได้ค่ะ

พญ. อิสรินทร์ ธนบุญวรรณ

ขอบคุณ อ. รุ่งโรจน์ ตรีนิติ