Friday, February 20, 2015

เจออะไรบ้างจากการโดยสารแท๊กซี่มา 4-5 ปี

มีช่วงหนึ่งที่ข้าพเจ้าทำงานโรงพยาบาล การเดินทางไปกลับ มักจะโดยสารรถแท๊กซี่คนเดียวประจำ (ช่วงเวลา4-5 ปี) เวลาข้าพเจ้าอ่านข่าวว่า แท๊กซี่มอมยาผู้โดยสาร ข้าพเจ้าคิดว่า ไม่น่าเกิดเหตุขึ้นได้ เพราะ 1. ข้าพเจ้าไม่เคยโดน 2. คนขับแท๊กซี่ไม่น่าจะทำได้ เพราะคนขับก็ต้องโดนยาด้วย
------------------------------------------------------
ยาที่ทำให้หลับ หรือสลบ ในทางการแพทย์ มี 3 รูปแบบ (dosage form)
1. รูปแบบยาเม็ด ได้แก่ พวกยานอนหลับ ยากล่อมประสาทที่ใช้ในทางการแพทย์
2. รูปแบบยาน้ำ ได้แก่ ยาคลายเครียด ยากล่อมประสาทบางประเภท
3. รูปแบบยาฉีดใช้เฉพาะในโรงพยาบาล,
4. รูปแบบยาใช้พ่นเป็นละออง (Inhalation) ให้ผู้ป่วยดมไม่รู้สึกตัว ใช้ในระหว่างผ่าตัด
ยาเหล่านี้ จัดเป็นยาควบคุมพิเศษ มีใช้ได้เฉพาะในคลีนิคหรือโรงพยาบาล
-------------------------------------------------------
ยาที่ถูกกล่าวอ้างว่าใช้มอมยาในแท๊กซี่ ตามข่าวน่าจะหมายถึงรูปแบบยาพ่นเป็นละออง  สมมติว่ายาพวกนี้ที่ใช้เฉพาะในโรงพยาบาล เล็ดลอดออกไปอยู่ในมือมิจฉาชีพจริง เวลาเอายามาใช้ ก็ต้องใช้ยาปริมาณมากและใช้เวลาพอสมควรยาถึงจะออกฤทธิ์  และคนใช้ต้องสวมหน้ากากป้องกัน เพราะไม่อย่างนั้นก็ต้องโดนฤทธิ์ยาด้วย ยาพวกนี้ มีขนาดการใช้ยาที่แน่นอน มีอันตรายถึงชีวิตได้ ถ้าใช้ปริมาณมาก ดังนั้น จึงไม่น่าเป็นไปได้ที่คนขับแท๊กซี่จะนำมาใช้ในรถยนต์ได้
---------------------------------------------------------
แท๊กซี่ในหนังฝรั่งซีรีส์ ซีเอสไอ (ซีเอสไอ  ย่อมาจาก crime scene investigation แปลว่า หน่วยพิสูจน์หลักฐานในที่เกิดเหตุอาชญากรรม)ที่ข้าพเจ้าเคยดู แท๊กซี่ในหนังฝรั่ง จะมีห้องกั้นระหว่างผู้โดยสารและคนขับ ซึ่งเป็นผู้ร้าย จะเลือกรับเฉพาะผู้โดยสารหญิงที่บุคลิกดีหน้าตาดี โดยไม่เลือกเวลากลางวันหรือกลางคืน แล้วจะพ่นยาที่ทำให้สลบใส่ที่ห้องผู้โดยสาร โดยที่คนขับไม่เป็นไร เพราะถูกกั้นห้องปิดกระจกไว้

อีกวิธีที่คนร้ายจะใช้มอมยาเหยื่อ (จากหนังซีเอสไอ) ก็คือ ผู้ร้ายจะใช้ผ้าชุบน้ำยาชนิดหนึ่งแล้วโปะจมูกเหยื่อให้สลบ โดยใช้วิธีแอบเดินตามเหยื่อไปใกล้ ๆ พอถึงที่ปลอดคน ก็ลงมือซึ่งต้องใช้กำลังและเวลาพอสมควรกว่ายาจะออกฤทธิ์

และบางครั้งในหนังทีวี คนร้ายจะเอายามาเคลือบที่บุหรี่ที่เหยื่อสูบ หรือทาตามอวัยวะของร่างกายคนร้ายเพื่อให้เหยื่อดูดหรือเลีย
--------------------------------------------------------
ปัจจุบัน การมอมยาเหยื่อ เท่าที่เป็นข่าวในไทย พบว่า มียานอนหลับชนิดรับประทาน ถูกพวกมิจฉาชีพเอามาใช้ก่อคดี โดยแอบใส่ในแก้วน้ำให้เหยื่อทาน หรือเอามาทาตามอวัยวะของคนร้ายให้เหยื่อดูดหรือเลีย
ส่วนการมอมยาเหยื่อโดยวิธีพ่นยาในแท๊กซี่นั้นยังไม่มีหลักฐานยืนยัน
--------------------------------------------------------
การโดยสารแท๊กซี่ ควรมีสติอย่าประมาท หรือ ตื่นกลัวเกินไป ถ้าเป็นผู้หญิงเดินทางคนเดียว
1. ควรแต่งกายให้เรียบร้อยมิดชิด และอย่าใส่เครื่องประดับราคาแพง
2. ไม่ควรดื่มของมึนเมาเด็ดขาด
3. สถานที่ที่จะเรียกรถแท๊กซี่ ควรมีคนพลุกพล่าน ไม่ใช่สถานที่อโคจร เช่น หน้าผับ หน้าสถานบันเทิงเริงรมย์
4. อย่าไปไหนคนเดียวในยามวิกาล  ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องมีสติรู้ตัวตลอด และถ้าเป็นไปได้ ควรชวนเพื่อนที่ไปเส้นทางเดียวกัน ขึ้นรถคันเดียวกัน
หมายเหตุ เวลาขึ้นรถคันเดียวกัน แล้วผู้โดยสารลงทีละคน ต้องถามแท๊กซี่ว่าได้ไม้ เพราะคนขับบางคนจะถือว่า ขาดรายได้ 35 บาทแรกไป (บางทีเราอาจยอมให้เขากดมิเตอร์ใหม่ก็ได้ แล้วแต่จะตกลงกัน ไม่งั้นอาจทะเลาะกันทีหลังได้  เหมือนข่าวลงว่ามีผู้โดยสารคนสุดท้ายทะเลาะกับคนขับรถจนถึงกับตีกันข้างถนน)
5. ถ้าทำได้ หาคนมายืนเป็นเพื่อนตอนเรียกรถแท๊กซี่
6. ระหว่างเดินทาง ถ้าจำเป็นให้พูดคุยกับคนขับเฉพาะเส้นทางเดินรถที่กำลังจะไปก็พอ
7. การสนทนา ถ้าคนขับถามเรื่องส่วนตัว หรือพูดหมาหยอกไก่ พอใกล้ถึงที่หมาย บอกให้รถจอดห่างจากที่หมาย อย่าให้คนขับรู้จักสถานที่อยู่ของเรา
8. โทรศัพท์บอกใครก็ได้ ว่ากำลังเดินทางอยู่ อีกกี่นาทีจะถึง
--------------------------------------------------
สรุป ประสบการณ์นั่งแท๊กซี่มากกว่า 1 พันครั้ง ไม่เคยเจอเรื่องมอมยาเลย แต่สิ่งที่เจอคือ
1. แท๊กซี่สีฟ้า ได้มาตรฐานมากที่สุด เรียก 100 คัน มาตรฐาน 95 คัน
รองลงมา คือ แท๊กซี่เหลืองเขียว
2. แท๊กซี่สีชมพู ไม่ว่าคาดด้วยสีขาว สีน้ำเงิน ฯลฯ มาตรฐานต่ำสุด แค่ 50%
3. แท๊กซี่สีอื่น ๆได้มาตรฐาน 70 %

(หมายเหตุ นี่เป็นการประเมินจากความคิดเห็นส่วนตัว นำไปใช้อ้างอิงไม่ได้)

สาเหตุที่ข้าพเจ้าเห็นว่าไม่ได้มาตรฐาน คือ
1. แต่งกายไม่สุภาพ เสื้อยืด กางเกงขาสั้น เสื้อเชิ้ตไม่ถูกระเบียบ ไม่ใส่แบบฟอร์มตามกำหนด (ข้อนี้เจอมากที่สุด)
2. ชื่อ นามสกุล และหน้าตาคนขับในรูปไม่ตรงกับตัวจริง
3. ชวนผู้โดยสารพูดคุยมากไป
4. เคยเจอคนขับบอกว่าหาเงินซื้อโลงศพให้แม่ขาดอีก 800 บาท พูดโน้มน้าวให้เชื่อว่าต้องหาให้ได้ในวันนี้ด้วย ตอนหลังข้าพเจ้าทราบว่ามีคนเจอเรื่องเล่าแบบนี้เหมือนกัน
5. รถบางคันมีเซ็นทรัลล้อค (คนขับบอกว่าป้องกันเด็ก บางคนบอกว่า ไม่ผิดกฏหมาย) ซึ่งความจริงต้องไม่มีระบบเซ็นทรัลล้อคในรถแท๊กซี่  รถคันใดฝ่าฝืนต้องโดนปรับไม่เกิน 1,000 บาท

อ่านรายละเอียดคู่มือการใช้รถแท๊กซี่และโทษปรับรถแท๊กซี่ที่ทำผิด พ.ร.บ. คลิกที่นี่
------------------------------------------------------
ส่วนเรื่องที่คนขับ ขับรถอ้อมระยะทางไกล ข้าพเจ้าคิดว่า ไม่ใช่คนขับแกล้งเพื่อคิดเงินเพิ่ม แต่เพราะรถติดมากกว่า จึงเข้าใจเรื่องการที่ต้องขับรถอ้อมไปเส้นทางอื่น ส่วนการที่คนขับไม่รับผู้โดยสาร ข้าพเจ้าจะใช้เทคนิค คือ เปิดประตูรถเข้าไปนั่งเลย แล้วบอกจุดหมายที่จะไป ส่วนน้อยที่แท๊กซี่ปฏิเสธไม่ไป เพราะถือว่า เข้ามานั่งในรถแล้ว แต่ข้าพเจ้าก็เคยโดนปฏิเสธ ต้องลงจากรถ ข้าพเจ้าก็จะต่อว่าแท๊กซี่ว่าทำไมติดป้ายหน้ารถว่า "ว่าง"แล้วก็รอคันต่อไป หรือไม่ก็เดินมาอีกถนนด้านหนึ่งที่มีรถแท๊กซี่ผ่านเยอะ
--------------------------------------------------------
การโดยสารแท๊กซี่ ถ้าเรากลัวว่าคนขับจะทำมิดีมิร้ายกับเรา เราก็ลองคิดกลับดูว่า คนขับรถก็กลัวผู้โดยสารเหมือนกัน กลัวโดนหลอกไปปล้นฆ่า
---------------------------------------------------------
บทความที่เขียนคราวนี้หวังว่าเป็นประโยชน์ต่อสุภาพสตรีที่จะโดยสารรถแท๊กซี่ได้อย่างมีความสุข รู้เท่าทันไม่หวาดระแวงเกินไป.....